คนไม่รู้ เทวดารู้ บวชจิตอานิสงส์สูงมาก อยู่บ้านก็ทำได้ บวชได้ทั้งหญิงและชาย

หากยังไม่พร้อมไปอยู่วัด! บวชจิตมีอานิสงส์สูงมาก อยู่บ้านก็ทำได้นะ บวชได้ทั้งหญิงและชาย

บวชจิตมีอานิสงส์สูงมากจัดเป็นเนกขัมมบารมีขั้นอุกฤษฏ์เลยทีเดียว

“การบวชจิต” หรือ “การบวชใน” นั้นเป็นสูตรของ “หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ”

หลวงปู่ดู่กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า…

“การบวชทั้งในและนอกมันลำบากในยุคนี้

เราบวชใน คนไม่รู้ … แต่ผีรู้ เทวดารู้

การบวชในเป็นกรรมฐานอย่างหนึ่ง เวลาทำบุญให้นึกว่าตัวเองเป็นพระ…จะได้ชิน ถ้าทำบ่อย ๆ จะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ

เวลาทำความดีอะไรก็ตาม…ให้นึกว่าตัวเองเป็นพระ มันจะปรับออกมาข้างนอกเอง เป็นการบวชจากข้างในไปหาข้างนอก คือ ด้วยรูปลักษณ์ในการบวชที่เป็นพระนั้น พอเราบวชแล้ว เราจะไม่กล้าทำอะไรที่ไม่ดี เวลาเราแผ่บุญออกไป พลังงานก็ผ่านเราออกไปได้มากกว่า

พลังงานนี้จะผ่านพระได้มากกว่าฆราวาสนะ… ลองคิดดูสิ เราเป็นพระนะ (บวชใน) แค่เรานึกนี่ก็เป็นแล้ว ทำไม่เกินสามปีจะรู้สึกว่าเราเป็นพระ เรื่องอะไรที่ไม่ดี เราจะไม่พูด ไม่ทำ แม้แต่ในฝันยังเป็นพระเลย

บวชจิตแล้วต้องสึกไหม…ไม่ต้อง มันไม่เกี่ยวกัน เรื่องโลกกับเรื่องธรรมเป็นคนละเรื่อง เวลาอยู่ทางโลกก็อยู่ไป เมื่อไรอยู่ทางธรรมเราก็บวชใน

ตื่นขึ้นมาก็ให้ทำ แล้วกราบพระ ๖ ครั้ง แล้วทำวัตรสั้น ๆ อาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งแต่องค์ปฐมถึงองค์ปัจจุบัน เวลากินข้าว อาบน้ำ เวลาว่าง เวลานอน ให้สวด ให้ภาวนา จนกว่าจะหลับ … สามปีจะรู้สึกว่า ข้างนอกจะเปลี่ยน

อารมณ์แบบนี้มีอานิสงส์มหาศาล… เป็นบุญทุกลมหายใจเข้าออก”

หลวงปู่ดู่ได้แนะเคล็ดในการบวชจิตไว้ว่า…

“ในขณะที่เรานั่งสมาธิเจริญภาวนานั้น คำกล่าวว่า

พุทธัง สรณัง คัจฉามิ

ให้นึกถึงว่าเรามีพระพุทธเจ้าเป็นพระอุปัชฌาย์ของเรา

ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ

ให้นึกว่าเรามีพระธรรมเป็นพระกรรมวาจาจารย์

สังฆัง สรณัง คัจฉามิ

ให้นึกว่าเรามีพระอริยสงฆ์เป็นพระอนุสาวนาจารย์

แล้วอย่าสนใจขันธ์ ๕ หรือร่างกายเรานี้ … ให้สำรวมจิตให้ดี มีความยินดีในการบวช

ชายก็ตั้งจิตเป็นพระภิกษุ หญิงก็ตั้งจิตเป็นพระภิกษุณี

อย่างนี้จะมีอานิสงส์สูงมาก … จัดเป็นเนกขัมมบารมีขั้นอุกฤษฏ์ทีเดียว”

ที่มา : ธรรมโอวาท หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ และ tumjaipost
ขอขอบคุณที่มาจาก : http://www.healthy108toyou.com/2018/10/blog-post_42.html