แอร์รถกลับมาเย็นฉ่ำ ไร้กลิ่นอับ ปรับเองได้ไม่ง้อช่าง

แอร์รถกลับมาเย็นฉ่ำ ไร้กลิ่นอับ ปรับเองได้ไม่ง้อช่าง

รถตอนซื้อมาใหม่เราจะรู้สึดได้เลยว่า แอร์รถเรานั้นแอรืเย็นเฉียบเย็นฉ่ำแบบแทบไม่ต้องปรับอะไรเลย แต่พออายุรถมีการใช้นานนานวันเข้า เราก็จะรู้สึกได้เช่นกันว่า แอร์รถนั้นปรับลงจนสุดก็ยังไม่แอร์ และแอร์นั้นยังมีกลิ่นเหม็นกลิ่นอับ จนแทบทนไม่ไหว บางคนถึงกับต้องลดกระจกแล้วรอลมธรรมชาติเลย วันนี้เรามีวิธีที่ช่วยถนอมแอร์รถของท่านให้กลับมาเย็นฉ่ำ เหมือนตอนออกรถใหม่วันแรกอีกครั้ง

ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรจะตรวจดูให้มั่นใจก่อนว่า สวิตช์เครื่องปรับอากาศถูกปิดอยู่ เพื่อเป็นการป้องกันและยังเป็นการไม่ให้พัดลมเครื่องปรับอากาศทำงานโดยไร้ประโยชน์

ก่อนสตาร์ทรถยนต์เตรียมเดินทาง

ให้ทำการเปิดหน้าต่างรถยนต์ เปิดพัดลมเครื่องปรับอากาศให้แรงที่สุดโดยไม่เปิดน้ำยาแอร์ (ปุ่ม A/C) เพื่ออากาศไล่อากาศที่ไม่หมุนเวียนออกมาจากระบบเครื่องปรับอากาศ เมื่อเครื่องยนต์เดินได้คงที่แล้ว เปิดน้ำยาแอร์ (ปุ่ม A/C) เพื่อเครื่องปรับอากาศดำเนินการปรกติ เมื่ออากาศเริ่มเย็นค่อยเริ่มเบาลมตามความต้องการ

ปิดแอร์ก่อนถึงที่หมาย เปิดพัดลมไล่ความเย็น

การปิดแอร์ หรือดับสวิตช์ A/C แล้วเปิดเฉพาะพัดลมให้ทำงานต่อไป เป็นแนวทางที่ช่วยไล่ความชื้นออกมาจากคอยล์เย็น ซึ่งจะช่วยลดการสั่งสมของเชื้อราหรือสิ่งสกปรกอื่นๆได้นั่นเอง ซึ่งแนวทางลักษณะนี้ทำเป็นง่ายๆในช่วงเวลาสัก 5 นาทีก่อนจะขับรถกลับถึงบ้าน หรือถึงที่หมายในแต่ละวัน

ตั้งอุณหภูมิและก็ความแรงพัดลมให้เหมาะสม

การตั้งอุณหภูมิและก็ระดับพัดลมของ เครื่องปรับอากาศรถยนต์ นั้นนับว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องปฏิบัติให้สัมพันธ์กัน ตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการลดอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร เมื่อปรับระดับความเย็นลงก็จำเป็นที่จะต้องเพิ่มความแรงของพัดลมด้วย เพราะไม่งั้นคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศก็จะต้องทำงานหนัก และก็มีโอกาสหมดสภาพก่อนที่จะถึงเวลาอันควร

ไม่เปิดเครื่องปรับอากาศทันทีหลังสตาร์ตรถยนต์

ข้อนี้ถือได้ว่าเป็นการลดการทำงานหนักของเครื่องปรับอากาศรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังจอดรถยนต์ตากแดดหรือหยุดรถยนต์ในที่อากาศร้อนจัดๆถ้าเปิดเครื่องปรับอากาศโดยทันทีภายหลังสตาร์ตรถยนต์เท่ากับระบบเครื่องปรับอากาศจะต้องทำงานหนักกว่าที่ควรจะ ซึ่งแนวทางที่ถูกต้องเป็นควรจะเปิดเฉพาะพัดลมพร้อมด้วยเปิดกระจกหน้าต่างเพื่อไล่ความร้อนและก็ลดอุณหภูมิด้านในห้องโดยสารซะก่อน แล้วหลังจากนั้นก็เลยเปิดแอร์

ต้องรักษาความสะอาดบริเวณพรมวางเท้าด้านเบาะหน้า

ด้วยเหตุว่าลมที่เป่าเย็นๆก็มาจากพัดลมซึ่งทำหน้าที่ดูดลมตรงรอบๆดังกล่าวให้ปะทะกับแผงคอยล์เย็นที่ให้ความเย็นกับห้องโดยสาร ถ้าเกิดมีอะไรที่สกปรกตันมากมายก็จะมีผลให้การส่งความเย็นไม่เต็มที่ หรือมันบางทีอาจเย็นมากกระทั่งเป็นน้ำแข็งได้ ซึ่งอาจจะทำให้ระบบรั่วได้ อย่างน้อยก็ให้สังเกตว่าถ้าหากลมที่ออกมาไม่แรงดังเดิม หรือมีกลิ่นเหม็นอับร้ายแรงตลอด มีความหมายว่าตู้แอร์เริ่มสกปรกแล้ว ควรจะหาร้านแอร์ที่ชำนิชำนาญเพื่อถอดล้างได้เลย

และก็ก่อนถึงที่หมายรวมทั้งหยุดรถ

ให้ปิดระบบน้ำยาเครื่องปรับอากาศ (ปุ่ม A/C) ล่วงหน้าสักนิดเนื่องจากว่าความเย็นในรถยนต์ยังเพียงอยู่ เปิดพัดลมแอร์ให้สุดเพื่อไล่น้ำยาเครื่องปรับอากาศที่ข้างในระบบออกให้หมด ใช้เวลาซัก 3-4 นาที

สำหรับวิธีแก้หากแอร์มีกลิ่นเหม็นอับ

หากสังเกตได้ว่าเครื่องปรับอากาศเริ่มมีกลิ่นเหม็นอับ ควรจะปรับแก้ด้วยวิธีเปิดพัดลมเครื่องปรับอากาศให้แรงที่สุด โดยปิดสวิตช์ A/C ไม่ให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน ทำแบบนี้โดยประมาณ 5-10 นาที หรือจนกระทั่งกลิ่นเหม็นอับจะจางลง ถ้าให้ดีควรจะทำเมื่อหยุดรถยนต์อยู่บ้าน เปิดกระจกหน้าต่างหรือประตูทิ้งเอาไว้ หากกลัวแบตเตอรี่หมดก็สตาร์ทเครื่องทิ้งไว้ได้

วิธีที่เรานำมาฝากกันในวันนี้จะช่วยให้เครื่องปรับอากาศรถยนต์ของคุณก็จะมีอายุการใช้งานที่เพิ่มขึ้น แถมยังช่วยลดการเกิดกลิ่นเหม็นอับด้วยเหตุว่าความชื้นสะสมจนเกิดแบคทีเรีย