5 ขั้นตอนซักผ้าขาว แก้ผ้าหมองกลับเป็นขาวใหม่ได้อีกครั้ง

5 ขั้นตอนซักผ้าขาว แก้ผ้าหมองกลับเป็นขาวใหม่ได้อีกครั้ง

เบกกิ้งโซดา สูตรนี้จะช่วยเพิ่มพลังและก็ยังเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับช่วยในการจัดการกับรอยคราบบนผ้าขาวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนอื่นเริ่มจากผสมผงซักฟอกในน้ำเปล่าแล้วตีให้มีฟอง และหลังจากนั้นก็เทเบกกิ้งโซดา 2 ถ้วยตวงตามลงไป คนเพื่อที่จะให้ส่วนผสมที่มีอยู้ทั้งหมดเข้ากัน ต่อจากนั้นนำผ้าขาวที่มีคราบเปื้อนมาแช่ทิ้งเอาไว้ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะใช้มือในการขยี้ผ้าโดยเน้นย้ำตรงบริเวณที่มีคราบเปื้อนเลอะเทอะซึ่งมีความสกปรก แล้วจากนั้นจึงค่อยนำไปซักและก็ทำความสะอาดเหมือนอย่างที่เคยซักตามปกติอีกรอบ

น้ำมะนาว สามารถจะช่วยขจัดคราบบนผ้าขาวได้อย่างไม่ยากเย็นขั้นตอนแรกให้เริ่มจากการผสมแฟ้บ 1/3 ช้อนในน้ำเปล่า ตีให้เกิดฟอง และก็หลังจากนั้นจึงค่อยเทน้ำมะนาว 1 ถ้วยตวงผสมเข้าด้วยกันไปเรื่อยๆจนกว่าจะเข้ากัน นำผ้ามาแช่ทิ้งเอาไว้ 1 ชั่วโมง หลังจากเสร็จแล้วและจากนั้นก็ค่อยขยี้ผ้าเน้นย้ำบริเวณที่มีคราบหรือไม่ก็อาจจะนำเปลือกของมะนาวมาเช็ดซ้ำบนรอยเปื้อนอีกครั้ง ก็จะสามารถช่วยให้รอยเปื้อนหลุดออกง่ายมากยิ่งขึ้น แล้วก็ค่อยนำไปซักเหมือนอย่างที่เคยซักตามปกติ

ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ สำหรับแนวทางนี้ก็ไม่ได้ทำยาก เริ่มจากการผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 2 ถ้วยตวง น้ำ 4 ถ้วยตวง และก็ตามด้วยเบกกิ้งโซดา 2 ถ้วยตวง เททุกอย่างลงใส่ในกะละมังแล้วคนเพื่อที่จะให้ส่วนผสมที่มีอยู้ทั้งหมดเข้ากัน ต่อจากนั้นนำผ้าสีขาวที่เปื้อนคราบเปื้อนมาแช่ทิ้งเอาไว้ 1 ชั่วโมง โดยขยี้รอบๆที่สกปรกรอยเปื้อนให้มากกว่าจุดอื่น แล้วก็ค่อยนำไปซักโดยการใช้ผงซักฟอกอีกรอบ

น้ำส้มสายชู ให้นำเอาผ้าขาวพวกนั้นมาแช่ลงไปในน้ำที่ผสมกับน้ำส้มสายชูในจำนวนเท่าๆกัน ทิ้งเอาไว้ราว 1 ชั่วโมง ถ้าหากว่ารอยคราบที่เปื้อนมันออกไปยังไม่หมดก็ให้แช่ซ้ำอีกครั้ง แล้วก็ค่อยนำไปซักเหมือนอย่างปกติ คราบเปื้อนเลอะเทอะซึ่งมีความสกปรกก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

น้ำซาวข้าว ที่พวกเราเททิ้งนั้นมีคุณประโยชน์มากมาย เนื่องจากมันสามารถซักผ้าขาวของพวกเราให้ขาวสะอาดได้ด้วยนะ โดยนำผ้าขาวไปซักแล้วแช่เอาไว้ในน้ำซาวข้าวผสมน้ำโดยประมาณ 2-3 นาที แล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยนำผ้าขาวมาซักอีกที

เคล็ดลับดีๆเกี่ยวกับการซักผ้าที่คุณควรต้องรู้

น้ำส้มสายชูทำให้เนื้อผ้าดูสว่าง แจ่มใสขึ้นกรดอะซิติกในน้ำส้มสายชูนั้นมีจำนวนน้อยมาก ด้วยเหตุดังกล่าวก็เลยปลอดภัยต่อผ้าที่ซัก อีกทั้งมีความเข้มข้นพอเพียงที่จะละลายสิ่งหลงเหลือที่เหลือจากสบู่แล้วก็ผงซักผ้า วิธีการใช้เป็นการเติมน้ำส้มสายชูเพียงแค่ครึ่งถ้วยสำหรับการล้างหนสุดท้าย หรือช่องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มจะมีผลให้ผ้าสีสว่างขึ้น แม้กระนั้นถ้าหากจะใช้น้ำส้มสายชูทำให้ถุงเท้าที่มีรอยเปื้อน หรือผ้าเช็ดจานให้มีสีขาวใสขึ้น ให้นำน้ำส้มสายชูหนึ่งถ้วยเทลงในหม้อขนาดใหญ่ที่มีน้ำอยู่ แล้วตั้งไฟให้เดือด หลังจากนั้นใส่ของที่มีกลิ่น มีรอยเปื้อนก่อนแล้วแช่ค้างคืนไว้ 1 คืน ก่อนที่จะเอามาซักเหมือนอย่างที่เคยซักตามปกติ แต่ว่าควรจะใช้วิธีแบบนี้กับผ้าคอตตอน 100 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

การซักเสื้อใน วิธีที่เหมาะสมเมื่อคุณจะซักเสื้อในนั่นเป็นควรจะใส่ลงในถุงตาข่าย ไม่สมควรโยนบราเซียลงในเครื่องซักผ้าเพราะว่าตาขอหรือสายเสื้อในบางทีอาจไปพันกันข้างในเครื่องซักผ้า แม้กระนั้นแนวทางที่ช่วยถนอมอายุยกทรงได้ดีที่สุดเป็นวิธีซักบราด้วยมือ ใช้น้ำยาซักผ้าแบบอ่อน ซักราว 3-5 นาที หรือจะแช่น้ำยาซักยกทรงไว้ราว 10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น แล้ววางยกทรงแบนราบกับผ้าขนหนู แล้วม้วนแล้วก็บีบมันเบาๆเพื่อผ้าขนหนูช่วยซับน้ำออก

อย่าปล่อยเสื้อผ้าที่ซักทิ้งเอาไว้ในเครื่องซักผ้านาน ถ้าหากซักผ้าเสร็จแล้วให้รีบนำเสื้อผ้าออกมาจากเครื่องซักผ้าในทันที เพราะเหตุว่าถ้าทิ้งเอาไว้นานเสื้อผ้าจะกำเนิดรอยยับได้ง่าย หรือจะกำหนดเวลาซักแบบอัตโนมัติเพื่อไม่ให้ผ้านั้นแห้งกระทั่งเกินไป

ป้องกันผ้าสีซีด มันเป็นเรื่องน่าเศร้าเมื่อกางเกงที่มีสีดำเข้มของคุณกลับซีดเซียวไม่เข้มงามอย่างเดิม ฉะนั้นทางแก้ไขเป็นการกลับผ้าด้านในออกมาไว้ภายนอกก่อนที่จะนำเอาไปซักหรืออบแห้งเพื่อลดอาการสีตก รวมทั้งควรจะเช็คอุณหภูมิของน้ำเหตุว่าไม่สมควรร้อนจนถึงเกินความจำเป็น โดยเช็คสลากที่ติดมากับเสื้อผ้าไปร่วมกัน