ถึงผู้หญิงอายุ 35 ถึง 53 ปี ควรอ่าน เมื่ออายุมากขึ้น จงใช้ชีวิตอย่างสง่า

ถึงผู้หญิงอายุ 35 ถึง 53 ปี ควรอ่าน เมื่ออายุมากขึ้น จงใช้ชีวิตอย่างสง่า

คุณป้าท่านหนึ่งในพันทิปบอกกับเราว่า “อายุขนาดประมาณหนูนี่แหละ อยู่ในวัยแข็งแรงกำลังทำงานหลายๆอย่าง ได้เต็มที่เลย”

คำพูดประโยคนี้ของท่านทำให้เราฉุกคิด และมองไปรอบ ๆ

ถึงผู้หญิงรอบตัวในวัยอายุขนาดประมาณนี้ เลยทำให้อยากเขียนกระทู้นี้

เพื่อแชร์ความท้าทายที่เราคิดว่าผู้หญิงในวัยอายุประมาณ 35-53 ปีต้องเจอ

และเมื่อเราได้เห็น ได้คุยกับรุ่นพี่ ๆ ที่เกษียณอายุกันไปแล้ว

ทำให้เราได้เห็นตัวอย่างที่ดี มีหลักชัยมากขึ้นว่า (ถ้าทำได้) ควรจะต้องทำตัวอย่างไรถึงจะ

“แก่ไปอย่างสง่าและมีความสุขสงบ” แบบพี่ ๆ หลายคนที่เราเห็นตัวอย่างมา

ปีนี้เราอายุ 43 นะคะ ยังมีอีก 10 ปี แห่งความปั่นป่วนสนุกสนานที่เราจะต้องเผชิญ

ดังนั้น เราจะขอแชร์ความท้าทายที่ผู้หญิงในช่วงอายุขนาดนี้ ที่เราได้พบ ได้เห็น และได้ยินมาให้ฟังค่ะ

1. ด้านร่างกาย

เริ่มเข้าวัย 35 เมตาบอลิสซึ่มเริ่มต่ำลง กินสลึง อ้วนบาท

พิซซ่ายังไม่ทันต้องกิน แค่ปรายตามองก็อ้วนแล้ว …

ฝ้าขึ้นง่ายมาก ลืมทาครีมกันแดดติดกันสัก 3 วันออกไปข้างนอก

ฝ้าผุดมาเหมือนตะไคร่น้ำงอกงามเร็วในหน้าฝน …สายตาเริ่มยาวขึ้น

ผมเริ่มเปลี่ยนสี ริ้วรอยเริ่มมาทักทาย ผิวเริ่มแห้งง่ายขึ้นมาก

ทาแฮนด์ครีมไม่ได้เพื่ออ่อยใคร แต่เพราะหนังบนมือเริ่มแห้งง่าย

แห้งแล้วจะเป็นขุย แล้วก็จะคันสิคะ

บางคนช่วงนี้จะเริ่มมีปัญหากับมดลูก รังไข่ ซีสต์ บ้างอะไรบ้าง

ถุงน้ำอะไรต่อมิอะไรอาจจะเริ่มพองโตให้เห็น พอเริ่มใกล้วัยทอง

ประจำเดือนก็จะเริ่มมาๆ ไปๆ อาจมีร้อนวูบวาบ ปวดหัว

บางคนประจำเดือนมาไม่หยุด พี่บางคนที่เรารู้จัก

กระทั่งหมอสูติเราเอง ก็มีปัญหาต้องตัดรังไข่บ้าง

มด ลูกบ้าง เทคฮอร์โมนกันให้วุ่นวาย

2. ด้านจิตใจและอารมณ์

ช่วงนี้เป็นช่วงที่เปราะบางปั่นป่วนที่สุดของผู้หญิงนะคะ จากเคยสวย

เคยตึง ก็เริ่มหย่อน ๆ ลง ในขณะเดียวกันช่วงอายุนี้ เป็นช่วงกำลังพีคสุดของผู้ชายทีเดียว

หน้าตา สติปัญญา ความสุขุม การงานเริ่มไต่ระดับอยู่เพดานบน

ยิ่งผู้ชายถ้าอายุ 40 ปลาย ๆ แล้วประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง

จะมีทั้งเงิน เวลา และความจำเป็นในการต้องออกสังคม

เที่ยวเล่นเพลิดเพลิน ตีกอล์ฟ จิบเหล้า สังสรรค์มากขึ้น

ตอนนี้ละที่ผู้หญิงเริ่มหวั่นไหวกังวลคิดมากไปหมด

3. ด้านการงานและอาชีพ

อันนี้เป็นของที่ต้องเลี้ยงประคองและ เหวี่ยงสลับรับกันไปมา juggle ให้ดีอย่างแท้จริง

Indra Nooyi ซีอีโอเชื้อสายอินเดียของ เป๊ปซี่ อธิบายได้ดีที่สุด เธอบอกว่า….

“จากการสังเกตของดิฉัน นาฬิกาชีวภาพ และนาฬิกาด้านความหน้าทางอาชีพการงาน

ขัดแย้งกันไปหมด เป็นการขัดแย้งที่สมบูรณ์แบบ เวลาคุณมีลูก

คุณก็ต้องสร้างฐานะในหน้าที่การงานไปด้วย

และขณะที่คุณเริ่มจะไต่ขึ้นไปเป็นผู้บริหารระดับกลาง ลูกต้องการคุณ

เพราะเค้าเป็นวัยรุ่น เค้าต้องการแม่ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น

และในเวลานี้ สามีคุณก็จะเริ่มกลายมาเป็นวัยรุ่นไปอีก

พวกเค้าทั้งหมดต้องการคุณ แล้วคุณทำไงล่ะทีนี้ ?

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคุณอายุมากขึ้น พ่อแม่คุณก็ต้องการคุณอีก

เพราะพวกท่านก็อายุมากขึ้น…เราเลยต้องรับเละ”

เมื่อวาน เราคุยกับเจ้าของโรงเรียนนานาชาติคนหนึ่ง

เธอแชร์ให้ฟังว่า เธอต้องใช้เวลาถึง 5 ปี

กว่าจะเริ่มปรับและลงตัวกับการทำงานบริหารโรงเรียน

และเป็นคุณแม่ไปด้วยในเวลาเดียวกัน ทำงานมากก็รู้สึกผิดกับลูก

ทำงานไม่เต็มที่ก็รู้สึกผิดกับองค์กร รู้สึกถึงความรับผิดชอบไปทุกอณูเนื้อ

จนทุกวันนี้ เธอเล่าว่า… ต้องพยายามชดเชยให้ลูกด้วยการพาลูกมานอนด้วยกัน

เพื่อช่วยคลายความรู้สึกผิดที่ตอนลูกยังเล็ก ปล่อยลูกกับพี่เลี้ยงตลอด

4. ด้านครอบครัว

คนส่วนใหญ่หย่ากันหรือเลิกกันในช่วงอายุนี้กันเยอะนะคะ

เป็นการเลิกที่เจ็บปวดด้วย เพราะอยู่ในช่วงอายุที่ไตร่ตรองการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว

ผู้หญิงหลายคน หากวางแผนชีวิตไม่ดี และต้องเลิกในช่วงอายุ 30 ปลายๆ ไปนี่

หลายคนเสียศูนย์ และสูญเสียความมั่นใจในการเริ่มชีวิตใหม่กับคนใหม่ๆ

หรือ ถึงอยากเริ่มใหม่ ในช่วงอายุขนาดนี้ ด้วยพันธะที่อาจจะมี

ด้วยรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไป ทำให้การเริ่มชีวิตคู่ใหม่

โอกาสลดน้อยลงไปมาก ไหนจะมีความกดดันทางสังคมและการเงินเพิ่มมาอีก

ส่วนสาวโสด ไม่ว่าจะเก่งกล้าหรือดูแลตัวเองได้ดีอย่างไร

เมื่อเริ่มมาถึงช่วงอายุนี้ ก็จะถูกกดัน

หรือถูกมองและไต่ถามด้วยความเป็นห่วงว่าจะไม่แต่งจริงๆ

หรือ จะอยู่ได้จริงๆ หรือ จนทำให้เครียดโดยไม่จำเป็น

ขอขอบคุณที่มา จาก rukpost.com
ขอขอบคุณที่มาจาก : https://verrysmilejung.com